ประกาศิตจอมมาร

ประกาศิตจอมมาร

        อย่าเพิ่งคิดว่าผู้เขียนจะเขียนนิยายกำลังภายในนะ เพียงแต่ชื่อมันเข้ากับเนื้อเรื่อง กล่าวคือในทางพระพุทธศาสนานั้น อะไรก็ตามที่มากีดขวางการทำความดี เขาเรียกว่า มาร ทั้งสิ้น

        เวลาที่มีใครตั้งใจจะทำความดี พญามารก็มักจะปรากฏตัวออกมาขัดขวาง ดังเช่นพระโพธิสัตว์ของเรา ก็เคยถูกพญามารออกมาขวางตั้งแต่วันออกบวช เอาโน่นนี่มาล่อสารพัด แม้วันจะตรัสรู้ก็ยังไม่เว้น

        วัดพระธรรมกายและหลวงพ่อธัมมชโย ก็หนีวงจรมารไปไม่พ้น ตั้งแต่เริ่มสร้างวัด ก็ได้รับเกียรติตั้งเป็นประเด็นว่า ใต้ถุนโบสถ์มีการซ่อนอาวุธ (ความจริงคือ ที่เก็บธรรมาวุธ คือ เสื่อ พรมแดง แผ่นกระเบื้องมุงลังคาเอาไว้ซ่อมหลังคาโบสถ์)

        ผ่านไปอีกระยะหนึ่งก็ได้รับข้อหาสำคัญคือ เป็นคอมมิวนิสต์ สาเหตุเพราะมีหน่วยงานของรัฐจะขอเข้ามาใช้พื้นที่ในการฝึกคน เอาไว้ปะทะกับคนอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งทางวัดก็บอกว่า วัดเป็นที่สำหรับฝึกให้เป็นคนดี เอากิเลสออกไปจากใจ ไม่ใช่ฝึกให้คนมาทะเลาะกัน เลยรับเคราะห์ไปเต็ม ๆ

 

        จนกระทั่งมาถึงปี ๒๕๔๑ – ๒๕๔๒ หลวงพ่อธัมมชโย ก็ถูกข้อหายักยอกเงินวัด ทั้งที่ท่านสร้างวัดมากับมือ หาเลี้ยงลูกพระลูกเณร เจ้าหน้าที่ชาย หญิง พนักงาน เป็นหมื่นชีวิต บังคับให้ท่านขึ้นโรงขึ้นศาล จนล่วงเลยไปถึง ๗ ปี สรุปว่าท่านไม่ผิด แต่ก็ทำให้เสียเวลาในการเผยแผ่ไปปล่าว ๆ

        เมื่อมาถึงปี ๒๕๕๙ ก็เริ่มมีข่าวมาถึงวัดว่า มีใบสั่งมาให้เล่นงานหลวงพ่อธัมมชโยจากผู้มีอำนาจ ซึ่งตอนนั้นทางวัดก็ยังงง ๆ ว่า ไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจตรงไหน เพราะวัดก็ทำหน้าที่ของวัดไป ตั้งใจว่าจะเอาพระพุทธศาสนาให้แผ่ขยายไปทั่วโลก แทนที่จะอนุโมทนาก็กลายเป็นทำให้เขาไม่พอใจ ว่าทำอะไรเกินหน้าเกินตา หลังจากทราบข่าวไม่นาน ก็เลยเกิดกระแสถาโถมเข้ามาไม่ขาดสาย โดยธงที่ตั้งไว้คือ เอาหลวงพ่อธัมมชโยสึกให้ได้ 

        จากเป้าหมายที่ชัดเจนตรงนี้ จึงเกิดกระบวนการอยุติธรรมขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ตั้งข้อหารับของโจรและฟอกเงิน ซึ่งเขาวางแผนอย่างดีและเป็นระบบ เป็นกับดักที่จะให้หนีไม่พ้น คือ

        ๑. หากเข้าสู่กระบวนการ ก็จะไม่ให้มีการประกันตัว ซึ่งจะต้องให้ถอดจีวรหรือสึกก่อน

        ๒. หากไม่เข้าสู่กระบวนการ ก็จะตีข่าวว่า ไม่ยอมรับกฎหมาย เพื่อให้สังคมมองว่า จะตั้งตัวเป็นรัฐอิสระ ไม่ยอมรับกฎหมายบ้านเมือง

        แน่นอน เขาก็คาดว่าลูกศิษย์วัด ไม่มีทางให้อาจารย์ของเขาเข้าสู่กระบวนการ เขาจึงหาทางเล่นงานทุกวิถีทาง ตั้งแต่

        - ออกหมายเรียกแปลก ๆ คือ ส่งให้หนังสือพิมพ์ก่อนมาถึงมือผู้รับ เพื่อให้เป็นข่าว

        - ไม่ยอมไปแจ้งข้อหาที่วัด ทั้งที่ทำได้ แต่อ้างว่าทำไม่ได้ แต่ก็สามารถไปแจ้งข้อหากับผู้อื่นที่เรือนจำได้

        - ขอให้ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจว่าหลวงพ่อธัมมชโยป่วยจริง ก็ไม่ยอมส่งมา เมื่อทางวัดเอาใบรับรองแพทย์ไปยืนยัน ก็หาว่าใช้ไม่ได้ ทั้งที่ใบรับรองแพทย์นั้นสามารถทำได้ นอกจากนี้แพทย์ที่ออกใบรับรองให้ก็ถูกกดดันจากหน่วยงานของตนเอง

        - ส่งอดีตคนเคยอยู่วัดจอมเนรคุณ พระขี้อิจฉาและกบฏเฒ่า เข้ามาสร้างกระแสทำลายวัด

        - หนักเข้าจอมมารก็สั่งมาให้จับสึกพระเณรทั้งวัดและให้ปิดวัดเลย ก็เลยเกิดกระบวนการไล่ล่าวัดสาขาที่อยู่ทั่วประเทศ ในข้อหารุกป่า แผ้วถางป่า ทั้งที่ท่านไปปลูกป่าและอบรมชาวบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่รักความเป็นธรรมได้แจ้งให้พระท่านทราบว่า หากมาพบเจ้าหน้าที่จะถูกจับสึกตามใบสั่งอย่างแน่นอน

        - ณ วันนี้กระบวนการทำลายวัดพระธรรมกายก็รุกหนักยิ่งขึ้น โดยการระดมเจ้าหน้าที่ทุกสาขา เข้ามาตรวจค้น โดยเอาเจ้าหน้าที่ผู้อ่านแผนที่ที่ต้องคดี ไม่มีใบอนุญาตมายัดข้อหาให้วัด ทั้งที่ไม่มีสิทธิทำหน้าที่นั้น

        - จากวินาทีนี้เป็นต้นไป คงจะมีการระดมสรรพกำลังเข้ามาอย่างเต็มที่ เพราะจอมมารได้ประกาศิตไว้แล้วว่า ต้องล้มวัดพระธรรมกายให้ได้ เพราะวัดพระธรรมกายคือกำแพงเมืองของพระพุทธศาสนาในประเทศไทย เป้าหมายของจอมมารยังมีมากกว่านั้น ก็จับตาดูกันต่อไป

        เอาเถอะ แม้ในวันนี้ยังมีผู้คนหรือพระบางรูปที่ยังไม่เข้าใจ แต่สักวันหนึ่งข้างหน้า ทุกคนจะเข้าใจว่า การที่หลวงพ่อธัมมชโยไม่เข้าสู่กระบวนการอยุติธรรมนั้น ท่านไม่ได้ทำเพื่อตัวเองเลย แต่ท่านเสียสละเอาตัวเองเป็นกรณีศึกษา เพื่อไม่ให้พระสงฆ์ทั้งแผ่นดิน ต้องถูกดำเนินคดีข้อหารับของโจรและฟอกเงิน จากการที่มีผู้มาถวายปัจจัยไทยธรรม

        ก็ต้องดูกันต่อไปว่า ประกาศิตของจอมมารจะศักดิ์สิทธิ์ไปอีกนานแค่ไหน เพราะในที่สุด

ธรรมะย่อมชนะอธรรม

ขอขอบคุณภาพจาก google.com

อนาคาริก

12/14/16