จารึกไว้จวบวันสิ้นลม

จารึกไว้จวบวันสิ้นลม

        ในขณะที่ผู้เขียนลงมือเขียนบทความนี้ เวลาที่เมืองไทยก็คงจะเป็นเวลาเริ่มต้นวันใหม่ของวันที่ ๑๓ ธ.ค. ๕๙ ซึ่งจะเป็นวันที่จะถูกจารึกเป็นประวัติศาสตร์หรือปล่าวก็ไม่รู้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้มีอำนาจที่จะสั่งการอย่างไร

        หากยังยืนยันคำสั่งเดิมคือ ให้บุกจับตัวหลวงพ่อธัมมชโยให้ได้ ก็คงจะยากที่จะหลีกเลี่ยงความเสียหาย ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ตรึงตาตรึงใจว่าเป็นครั้งแรกของชาติไทย ที่ฝ่ายอาณาจักรใช้กำลังเข้าจัดการกับฝ่ายศาสนจักร

        ผู้เขียนคงไม่กล่าวถึงว่า เรื่องนี้เกิดจากอะไรเพราะได้พูดมาเยอะแล้ว หลายคนก็ทราบแต่พูดไม่ออก สื่อต่าง ๆ ก็โหมกระหน่ำไปที่หลวงพ่อธัมมชโยรวมไปถึงพระผู้ใหญ่หลายรูปในวัด และแว่ว ๆ ว่ามีคำสั่งลึกลับให้จับสึกพระเณรทั้งวัดแล้วปิดวัดด้วย

        สิ่งที่อยากจะกล่าวถึงคือ ความปรารถนาดีของฝ่ายตำรวจที่มีต่อผู้มาปฏิบัติธรรม จากการอ่านข่าวในวันนี้ พบข้อความว่า ท่านเตรียมทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และกองร้อยหน่วยต่าง ๆ เพื่อเข้ามาดูแลคนที่มาวัด เพื่อป้องกันการแทรกแซงจากบุคคลที่ ๓

        อ่านแล้วก็ปลื้มใจที่ท่านเตรียมกำลังมาถึงกว่า ๔,๐๐๐ นาย มีทั้งตำรวจ ทหาร คอมมานโด หน่วยปราบจลาจล สุนัขตำรวจ รถดับเพลิงถึง ๙๙​ คัน อ้อ แถมแก๊สน้ำตาด้วย ในระหว่างที่ยังไม่ถึงวันที่ขอหมายได้ ท่านก็ไม่อยู่เฉย ได้มีการซ้อมตรวจจับรถที่ขนคนมาวัด มีการซ้อมตั้งด่านสกัดคนที่จะมาสวดมนต์ปฏิบัติธรรม และเพื่อป้องกันการกระจายข่าวมากเกินไป ก็เลยซ้อมปิดสถานีช่องดีเอ็มซี ข้อหายุยงคนมาวัด โดยไม่คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนเลยแม้แต่น้อย

        สื่อต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้อำนาจรัฐก็ช่วยกันกระพือข่าวอย่างหนัก บอกว่าคนศรัทธาหดหาย เออ ฟังแล้วก็แปลกดี บอกว่าศรัทธาหดหาย แต่กลับทำทุกวิถีทางในการกันคนมาวัด น่าจะลองคำนวณดูว่า งบประมาณที่ใช้ไปเพื่อการไล่จับพระชราอาพาธรูปเดียวในครั้งนี้ ต้องใช้ไปเท่าไร อ้อ อย่าลืมนับค่าใช้จ่ายของการเตรียมเฮลิคอปเตอร์ด้วยนะ เห็นว่าอยากได้หลายลำ แต่มีว่างแค่ลำเดียว

        สำหรับสิ่งที่ท่านตำรวจใหญ่ห่วงว่าจะมีคนแทรกเข้ามานั้นก็คงไม่ต้องห่วง เพราะผู้ที่ส่งกำลังเข้ามาแทรก เขาได้พูดอย่างชัดเจนในการให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่า

        "เมื่อวันที่ ๑ มิ.ย. ที่ผ่านมา พระพุทธอิสระได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ เจาะลึกทั่วไทย ซึ่งในคำสัมภาษณ์นั้นพิธีกรได้สอบถามท่านว่า ท่านได้วางสายเป็นไส้ศึก ในวัดพระธรรมกายใช่หรือไม่ ? ซึ่งพระพุทธอิสระได้ตอบว่า ท่านได้เอาคนไปวางไว้ตั้งแต่ก่อนวิสาขะหนึ่งระลอกแล้ว และหลังวิสาขะหนึ่งระลอก "

        ดังนั้นหากจะมีเหตุแทรกซ้อนเกิดขึ้นก็คงจะไม่ต้องเดาว่าเป็นฝีมือของใคร เนื่องจากสาธุชนของวัดพระธรรมกาย ถูกฝึกให้ยึดหลักโอวาทปาฏิโมกข์คือ ให้มีความอดทน มีพระนิพพานเป็นเป้าหมาย และไม่ว่าร้าย ไม่ทำร้ายใคร ก็ไม่ทราบว่าท่านตำรวจใหญ่จะว่าอย่างไรในเรื่องนี้

        อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ผู้เขียนก็ยากจะคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ที่แน่ ๆ ความซาบซึ้งใจในไมตรีจิตที่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะกระทำในครั้งนี้โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันเหตุแทรกซ้อน คงจะเป็นที่จดจำไปตลอดชีวิตของลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย

        ผู้เขียนคนหนึ่งหล่ะ ที่จะไม่มีวันลืมเรื่องราวของวันนี้เลย









ขอขอบคุณภาพจาก google.com

อนาคาริก

12/13/16