Thursday, March 16, 2017

พระไทย...เหยื่อของระบบกล่าวหา



พระไทย...เหยื่อของระบบกล่าวหา


        ในอดีตพระภิกษุจะได้รับความเคารพและให้เกียรติมากในสังคมหรือจะพูดง่าย ๆ ก็คือ ผู้นำสังคมในระดับจุลภาคนั่นเอง

        แต่เมื่อสภาพสังคมเปลี่ยนไป จากสังคมเกษตรกรรมกลายเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างวัดกับชุมชน ความเคารพที่เคยมีจึงค่อย ๆ เลือนหายไปตามสภาพแวดล้อม



        ในปัจจุบันเราจึงมักจะเห็นการนำกฎหมายต่าง ๆ มาใช้กับพระโดยไม่ได้คำนึงถึง หลักรัฐศาสตร์หรือจริยศาสตร์ มุ่งเน้นไปที่หลักนิติศาสตร์ จึงทำให้ลืมนึกไปว่า เป็นเรื่องของความละเอียดอ่อน ที่จะมีผลไปถึงสังคมโดยรวมได้


        วันนี้เกิดข่าวที่กระทบจิตใจของลูกศิษย์วัดพระธรรมกายเป็นอย่างยิ่ง คือ มีการกล่าวหาว่า หลวงพ่อทัตตชีโวนำเงินบริจาคไปเล่นหุ้น โดยเจ้าหน้าที่ให้ข่าวไปเพียงเพราะ “เชื่อว่า” มีการกระทำความผิด

        หากมองด้วยใจที่เป็นธรรม จะพิจารณาเห็นว่า หลวงพ่อท่านอายุถึง 77 ปีแล้ว ท่านจะเล่นหุ้นเพื่ออะไร ซึ่งเรื่องนี้ลูกศิษย์ลูกหา ทราบกันดีว่า หลวงพ่อท่านไม่เคยสะสม ท่านมีชีวิตที่เรียบง่าย แล้วจะมาขวนขวายหาทรัพย์สินเงินทองเพื่ออะไร เป็าหมายที่ท่านบวชมามีเพียงประการเดียว คือ การเดินตามรอยบาทพระบรมศาสดา


            ยิ่งมองในแง่กฎหมาย ยิ่งจะเห็นว่าเป็นไปไม่ได้ เนื่องจาก

       - วัดพระธรรมกายมีระเบียบปฏิบัติอย่างชัดเจนว่า ห้ามพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา เล่นหุ้น หรือทำธุรกิจต่าง ๆ

       - ทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ยืนยันว่า พระเล่นหุ้นไม่ได้ และมีการตรวจสอบอย่างชัดเจนในเรื่องที่มาของเงินที่จะมาเล่นหุ้น

        
       วันนี้เริ่มต้นตีข่าวไปก่อน หลายวันเข้าเริ่มฝังความเชื่อให้ผู้เสพสื่อ จากเชื่อก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์ แล้วก็จะหาเหตุดึงเข้าสู่กระบวนการอยุติธรรม จนนำไปสู่การหาเรื่องสึกพระ 

        หรือหากเวลาผ่านไป ในที่สุดบอกว่าท่านบริสุทธิ์ แล้วใครจะรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น

        จากข้อมูลดังกล่าว จึงมีคำถามในหมู่ศิษย์วัดว่า หลวงพ่อทัตตชีโวถูกเบียดเบียน กลั่นแกล้ง หาคดีให้อีกแล้วหรือนี่ แล้วอีกกี่รูปที่จะถูกกระทำในลักษณะนี้

        ผู้ที่จะตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้น ผู้ที่ออกมาให้ข่าวเรื่องนี้นั่นแหละครับ





อนาคาริก
03/17/17

32 comments:

  1. สมควรแล้วหรือ ที่พระตกอยู่ในฐานะเหยื่อความยุติธรรมอำมหิต..

    ReplyDelete
  2. ก่อนกล่าวหาอย่าลืมศึกษาเรื่องกฎแห่งกรรมไว้บ้างนะค่ะ

    ReplyDelete
  3. จะหาเรืองกันไปถึงไหน

    ReplyDelete
  4. กล่าวหาก่อน ทำให้คนคิดกลั่นแกล้งทำชั่วต่อกันได้นะ

    ReplyDelete
  5. กล่าวหาก่อน ทำให้คนคิดกลั่นแกล้งทำชั่วต่อกันได้นะ

    ReplyDelete
  6. ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนที่มาของข่าว คนเขียนข่าว ให้พิสูจน์ยืนยันข้อมูลพร้อมหลักฐาน หากไม่พบข้อแท้จริงใดๆตามที่เสนอข่าว ควรสอบสวนพิจารณาความผิดที่ให้ข่าวเท็จทำให้เสียงชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง รวมทั้งพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณนักข่าวด้วย

    ReplyDelete
  7. พวกไม่เคารพพระแท้และไม่เชื่อกฎแห่งกรรม
    ถึงใส่ร้ายได้ตลอด น่าสงสารจริง กฎแห่งกรรมไม่รู้ไม่ได้ ต้องรู้ เพื่อทำแต่ความดีและสร้างบุญสร้างบารมีติดตัวข้ามภพข้ามชาติ ใส่ร้ายแบบนี้ก็ได้บาปติดตัว นรกอเวจีที่ไป

    ReplyDelete
  8. วิทย์อ้อน้อยไม่เห็นโดนเลย..ไม่จริงมั๊งงง

    ReplyDelete
  9. เห็นด้วยกับบทความทุกประการค่ะ

    ReplyDelete
  10. สวดธรรมจักรฯ บูชาธรรมกายเจดีย์------บรมกุศลหนุนนำต่อเนื่อง ล้างวิบากกรรม+มาร ทลายสูญสิ้น ----คนพาล+มลายล่ม+หนีหาย*****สาธุ นึกถึงหลวงปู่ด้วยใจใสๆ ด้วยบุญที่สวดธรรมจักรฯ และแผ่เมตตา ขอให้ผู้ที่ทำลายศาสนาพุทธกลับตัวกลับใจ ถ้ากลับไม่ได้ก็ขอให้แพ้ภัยตนเองไป อย่าได้มาเบียดเบียนกันเลย สาธุ

    ReplyDelete
  11. กล่าวหาให้เป็นข่าวก่อน เข้าใจผิดกันมากๆ จะต้องนำเป็นคดีก่อนค่อยไปแก้บนศาล ระบบของเค้าที่ตั้งไว้ หาอะไรมักตัวพระไม่ได้ก็ต้องกล่าวหาไงละ. ง่ายดีแล้วได้ผลด้วยนะ (พวกนรกมาเกิด)

    ReplyDelete
  12. คนพาลมักคิดชั่ว พูดชั่วและทำชั่ว
    โดยไม่ละอายต่อผู้คนและไม่เกรงกลัวต่อบาป
    มันเป็นเช่นนี้เอง
    ใส่ร้าย กล่าวหาพระผู้บริสุทธิ์ออกสื่ออย่างหน้าชื่น ตาบาน
    เพราะสำคัญผิดว่าตนเองคงไม่ได้รับผลแห่งกรรม
    ไม่ต้องได้รับโทษใดๆ จากใคร
    แต่อยากลืมเรื่องกฎแห่งกรรม
    ที่ใครก็หนีไม่พ้น
    แม้นต่างเชื้อชาติ ศาสนาหรือเผ่าพันธุ์
    น่าสงสารๆ
    แม้นคนที่หลงเชื่อเข้าใจผิด
    จนด่าว่าตามไปมากมาย ก็ไม่พ้นเช่นกัน

    ReplyDelete
  13. เราถึงต้องรีบปลูกฝังเรื่องศีลธรรมให้กับเยาวชน จัดอบรมยุวธรรมทายาท มัชฌิม อุดมศึกษา ฯลฯ ให้เขามีความรู้ความเข้าใจต่อพระพุทธศาสนาก่อนที่จะตกเป็นเหยื่อของผู้ที่ไม่ปรารถนาดีและไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ถ้าไม่เชื่อเรื่องกฏแห่งกรรมก็สามารถสร้างวิบากกรรมให้กับตนเองได้ทุกวินาที แล้วก็ต้องไปรับผลแห่งกรรมนั้นๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    ReplyDelete
  14. เราถึงต้องรีบปลูกฝังเรื่องศีลธรรมให้กับเยาวชน จัดอบรมยุวธรรมทายาท มัชฌิม อุดมศึกษา ฯลฯ ให้เขามีความรู้ความเข้าใจต่อพระพุทธศาสนาก่อนที่จะตกเป็นเหยื่อของผู้ที่ไม่ปรารถนาดีและไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ถ้าไม่เชื่อเรื่องกฏแห่งกรรมก็สามารถสร้างวิบากกรรมให้กับตนเองได้ทุกวินาที แล้วก็ต้องไปรับผลแห่งกรรมนั้นๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    ReplyDelete
  15. หยุดใส่ร้ายพระ

    ReplyDelete
  16. หยุดใส่ร้ายพระ

    ReplyDelete
  17. คนทำดีต้องได้ดีไม่ต้องกลัว
    คนทำชั่วชอบทำชั่วมั่วจนบ้า
    คนทำดีมีความสุขสมอุรา
    คนชั่วช้าหาแต่ทุกข์อยู่ร่ำไป
    คนทำดีย่อมได้ดีมีอยู่ทั่ว
    คนทำชั่วย่อมได้ชั่วมั่วอยู่ได้
    คนทำดีมีความสุขสบายใจ
    คนชั่วช้าไม่ได้สุขตลอดกาล
    คนทำดีจึงได้ดีที่สุดชัวร์
    คนทำชั่วจึงได้ชั่วน่าสงสาร
    คนทำดีมีที่สุดคือนิพพาน
    คนชั่วมารอวสานสู่โลกันต์...

    ReplyDelete
  18. ยุคคนพาลมากกว่าคนดีก็เป็นแบบนี้
    ต้องสร้างคนดีให้มากๆปลูกฝังคุณธรรม
    ส่งต่อให้ลูกหลานแก้ไขกฎพาลๆเหล่านี้ให้หมดไป

    ReplyDelete
  19. ข่าวมั่วมั่วหาสาระไม่ได้

    ReplyDelete
  20. สื่อควรมีจรรยาบรรณ ไม่ใชัเข้าข้างใดข้างหนึ่ง

    ReplyDelete
  21. สื่อขอไห้มีจรรยาบรรณกันบ้างอย่าเห็นแต่สิ้นจ้างมากไปนะค่ะเอาความจริงออกมาเปิดเผยพวกเราตอ้งสั่งสอนลูกหลานไห้อยู่ในศิลธรรมอบรมสั่งสอนไห้เป็นคนดีของสังคมจะได้ไม่พาลเหมือนผู้ใหญ่สมัยนี้ค่ะ

    ReplyDelete
  22. ทำแต่เรื่องชั่วๆเลวๆมาตลอด คงนึกว่าทำชั่วๆเลวๆ อีกสักเรื่อง คงไม่เป็นไรกระมัง ชินซะแล้ว โดยเฉพาะใส่ร้ายพระผู้ทรงศีล
    ถามจริง ไม่มีความละอายเลยหรือไง กรรมชั่วที่ได้รับจะเกิดกับตนเอง และวงศ์ตระกูลหล่ยชั่วโคตรเลยนะ

    ReplyDelete
  23. ยุคทมิฬ ยุคคนไม่กลัวบาปกลัวกรรม ยุคเผด็จการครองเมือง

    ReplyDelete
  24. เป็นคนไทยทำอะไรต้องระวังมากๆๆทำถูกอาจผิดได้

    ReplyDelete
  25. ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธคนไทยจึงจำเป็น
    ต้องมีศิลห้าอย่างน้อยดำเนินชีวิต แต่ชาวพุทธสมัยนี้บางส่วนไม่อยู่ในศิลธรรมอีนดีงาม ชอบใส่ร้ายป้ายสีแม้นแต่สมณะผู้มีศิลก็ยังไม่เว้น บาปกรรมจะทำให้เค้าได้รับความทุกข์ไปตลอดกาล

    ReplyDelete
  26. หลวงพ่อทัตตชีโวท่านไม่สะสมวัตถุ ทรัพย์สิน ท่านชี้ให้เห็นโทษของการสะสม ท่านทิ้งชีวิตทางโลกทั้งที่มีโอกาสดีกว่าคนอื่น เพื่อสร้างบารมี ใครกล่าวหาท่านบาปมากๆ

    ReplyDelete
  27. "ยุคถิ่นกาขาว"ทุกอย่างระบบยุติธรรมล้มเหลว พระถูกกล่าวหาใส่ร้าย กลั่นแกล้ง
    อยากให้ผ่านไปโดยเร็วจะได้ถึงยุค"ชาวสิวิไล"ค่ะ

    ReplyDelete
  28. ยังอยู่ในยุคอีกาขาว ไกล้ส้นแล้วอีกาขาว

    ReplyDelete
  29. รัฐบาลชุดนี้ถังแตกจริงๆ หวังว่าจะไม่ประกาศล้มละลายนะ เพราะตอนนี้ดิ้นมาก เหมือนถูกน้ำร้อนลวก จะเก็บภาษีหุ้นตระกูลชิน, จะขโมยสมบัติวัดพระธรรมกาย เรียกว่าหน้ามืดสุดๆ

    ReplyDelete
  30. วัดและพระมีแต่ความบริสุทธิ์ จะตั้งข้อกล่าวหาว่าร้ายอย่างไร ก็หาความผิดไม่เจอ ยิ่งใส่ร้าย เรื่องร้ายๆจะย้อนเข้าตัวผู้กล่าวหา น่าจะทำเรื่องดีๆเพื่อชีวิตบ้าง จะได้มีบุญติดตัวไป ให้สมกับที่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์เอย.

    ReplyDelete
  31. ผมว่าคุณขึ้นต้นเหมาเอาคำว่า "พระไทย"มาใช้ ไม่ถูกต้อง ทุกคนอยู่ภายใต้กฏหมายเดียวกัน ใช่มีแต่พระที่ไหน และเหยื่อที่คุณตั้งใจจะยกมา ก็ไม่ใช่พระทั้งหมด มันก็แค่นักบวชของธรรมกายเท่านั้น พระอื่น ๆ เขาไม่เกี่ยวข้องด้วย ไม่ต้องหาพวกไปลากคนอื่นเข้ามาเกี่ยวด้วย เป็นเจตาไม่บริสุทธิ์ต่อบ้านเมือง บาปเปบ่า ๆ

    ReplyDelete