Friday, December 16, 2016

แรงพยาบาท



แรงพยาบาท



ในอดีตกาลที่ผ่านพ้น 

        มีพ่อค้าอยู่ ๒ ท่าน คือ พ่อค้าฝ่ายขาว มีคุณสมบัติคือ ซื่อสัตย์ สุจริต ไม่เอาเปรียบลูกค้า กับพ่อค้าฝ่ายดำ ที่มีนิสัยชอบเอารัดเอาเปรียบ ขี้โกง

        ทั้งสองได้มีโอกาสพบหญิงชรา ผู้ดีตกยากและหลานซึ่งอยากได้เครื่องประดับ แต่ทั้งสองกลับมีวิธีการในการค้าขายที่ต่างกัน ทำให้เกิดผลที่ติดตามมาอย่างต่อเนื่อง


        พ่อค้าฝ่ายดำ เมื่อพบว่า หลานของหญิงชรานั้นอยากได้ของประดับก็ทำการกดราคา ทั้งที่รู้ว่าถาดที่หญิงชราเอามาให้ตีราคาเพื่อจะได้แลกเครื่องประดับให้หลานนั้นเป็นทองคำ แทนที่จะบอกความจริงกลับทิ้งถาดนั้นกับพื้น แล้วบอกว่าของไม่มีราคาอะไร



        พ่อค้าฝ่ายขาว เมื่อมาเจอยาย หลาน แค่เพียงเห็นถาดนั้นก็รีบบอกความจริงเลยว่า นี่เป็นถาดทองคำ ของที่ตนมีอยู่ไม่พอกับราคาของถาด ว่าแล้วก็ให้เงิน รวมทั้งสินค้าทั้งหมดแก่ยาย หลานไป



        ฝ่ายพ่อค้าฝ่ายดำ ย้อนกลับมาเพื่อจะมาเอาถาดทอง เลยโดนยายต่อว่า ที่ไม่ซื่อสัตย์ เลยเกิดความเสียดายถาดทองนั้น รีบวิ่งตามมาจะทวงเอาถาดนั้น เมื่อพบว่าพ่อค้าฝ่ายขาวขึ้นเรือไปแล้ว เกิดความคับแค้น จนกระอักเลือด ก่อนตายก็กล่าวคำอาฆาตพยาบาท จะตามล้างตามผลาญ



        ดังนั้นเมื่อชาติใดที่เกิดมาพบกัน อดีตพ่อค้าฝ่ายดำ ก็จะเพียรพยายามทำร้าย ทำลาย อดีตพ่อค้าฝ่ายขาวตลอด แม้กระทั่งในสมัยพุทธกาล อดีตพ่อค้าฝ่ายขาว ได้มาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อดีตพ่อค้าฝ่ายดำ ก็ยังตามมาเป็นพระเทวทัต คอยตามทำร้ายพระพุทธองค์



ในปัจจุบันกาลนี้

        มีวัดใหญ่วัดหนึ่ง กับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง

        สำหรับวัดใหญ่ ตั้งแต่เริ่มต้นสร้างวัด เมื่อปี ๒๕๑๓ ก็ได้ตั้งใจนำธรรมะของพระผู้มีพระภาคเจ้า มาอบรมพระเณร อบรมสาธุชนตลอดมา จากพื้นที่วัด ๑๙๖ ไร่ ก็ไม่เพียงพอ ต้องขยายที่ไปอีกกว่า ๒,๐๐๐ ไร่ รวมทั้งขยายวัดสาขาไปที่ต่างประเทศกว่า ๑๐๐ วัด

        ส่วนนายตำรวจใหญ่ ตั้งแต่รับงานมาด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องว่า แค่วัดที่ไม่มีอาวุธอะไร มีแต่พระเณร สาธุชน มาสวดมนต์ทำวัตร สวดธัมมจักฯ แค่ไม่กี่วันก็ราบเรียบแล้ว

        อาศัยอำนาจในการมีกฎหมายอยู่ในมือ จึงจ้องเล่นงานสารพัด ยัดเยียดข้อหาให้เริ่มที่เจ้าอาวาส ขยายผลมาถึง พระรูปอื่น ๆ ล่าสุดขยายผลไปถึงลูกศิษย์วัด(ผู้ใหญ่รังแกเด็ก ว่างั้นเหอะ)


        จากเริ่มต้นแค่คดีเดียว ตัวเลขค่อย ๆ เพิ่ม เป็น ๒ เป็น ๓ ยังไม่หนำใจ เลยไปหาข้อหาให้วัดที่มีพระจากวัดพระธรรมกายไปอยู่ ได้มาอีกหลายคดี จนกลายเป็น ๒๑ คดี ยังไม่พอแถมมาอีกเป็น ๔๘ คดี ผ่านไปแค่สองวัน ได้มาอีกรวมแล้วเป็น ๑๑๑ คดี (น่าจะเป็นคดีประวัติศาสตร์ที่เจ้าหน้าที่ ขยันขันแข็งเป็นพิเศษ ต่างจากคดีปิดสนามบิน และคดีกบฏปิดล้อมดีเอสไอ ขัดขวางการเลือกตั้ง ฯลฯ ที่เจ้าหน้าที่ใจดี ปล่อยให้คนผิดเดินไปเดินมาสบาย)



        ในขณะที่นายตำรวจใหญ่ เรียกประชุมดึกดื่นหน้าดำคร่ำเครียดทุกวัน เพื่อเล่นงานวัด ที่วัดทั้งพระเณร สาธุชน หน้าตาผ่องใส สวดธัมมจักฯกันไป กว่า ๑๑ ล้านจบแล้ว

        ในขณะที่นายตำรวจใหญ่ ด่ากราดลูกน้อง ที่ทำงานไม่ได้ดังใจ ที่วัด ทุกคนพูดคุยกันด้วยวาจาสุภาษิต ยิ้มแย้มแจ่มใส เอื้ออาทรต่อกัน



ภาพซ้อนทับสองเหตุการณ์

       พ่อค้าฝ่ายดำ เกิดความเคียดแค้น อาฆาตพยาบาท เสียดายถาดทอง ด้วยแรงแค้นเกิดความร้อนรุ่มในอก จนกระอักเลือด

       นายตำรวจใหญ่ เกิดความเคียดแค้น อาฆาตพยาบาท โมโหที่มีข่าวว่ามีคลิปเสียงคล้ายตนเอง ด้วยแรงแค้นเกิดความร้อนรุ่มในอก เลยต้องหาทางระบายโดยการตั้งข้อหาเพิ่มขึ้น ๆ

     โอ ด้วยแรงพยาบาทนี้ อย่าถึงกับกระอักเลือดเลยนะครับ 






ขอขอบคุณภาพจาก google.com
อนาคาริก
12/16/16




6 comments:

  1. ทำมาขนาดนี้_กระอัก_ตาย ดูจะน้อยไป. น่าสงสารจริงๆ..

    ReplyDelete
  2. แรงพยาบาท คือ ไฟจากขุมนรกที่เผาไหม้จิตใจของเจ้าของมันอยู่ตลอดเวลา ทำให้บุคคลนั้นไม่มีความสุข ร้อนรุ่ม ใจคิดแต่จะแก้แค้น ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน ขออย่าได้คิดผูกพยาบาทใครเลย สาธุๆๆ

    ReplyDelete
  3. แรงอาฆาต เป็นอกุศล จิตใจเต็มไปด้วยเพลิงแค้น หัวอกรุ้มร้อน จิตเศร้าหมองเป็นหนทางที่จะไปสู่อบายตามฤทธิกรรมที่ตนก่อ แก้ไขด้วยการทำบุญทำกุศล ฝึกแผ่เมตตาจิต

    ReplyDelete
  4. ผู้เขียนเปิดประเด็นนี้ ทำให้นึกถึงนายมะนาว ไม่รู้จะบอกว่าปัญญาดี หรือปัญญานิ่มกันแน่ คราวก่อนบอกปะคำดิจิตอล เป็นอุปกรณ์สื่อสารไฮเทค แต่ที่แน่ๆ มั่นใจเลย มะนาวเป็นคนขี้อิจฉา.
    ขอฝากโปรโมท เพลงดัง ฟังด่วน สบายอารมณ์..."เสนียดประเทศไทย" https://youtu.be/X2L158oH1Bc
    รออะไร แชร์วนๆ ไปเส่...

    ReplyDelete
  5. คนเราเป็นกันถึงเพียงนี้เลยเหรอ เอาความโกรธแค้นมาเป็นที่ตั้งในการดำเนินชีวิตโดยไม่สนใจว่าใครจะเป็นเช่นไร

    ReplyDelete
  6. น่ากลัวจริงๆ ขอให้เรามีแต่ความบริสุทธิ์ กาย วาจา ใจ ไปทุกภพทุกชาติเทอญ

    ReplyDelete