Thursday, September 29, 2016

ก็แค่เด็กชนบท



ก็แค่เด็กชนบท



     ณ โรงเรียนชนบทแห่งหนึ่งในกะลาแลนด์ ซึ่งประกอบไปด้วยอาคารชั้นเดียวเพียงหนึ่งหลัง สร้างด้วยงบประมาณของประชาชนแต่น้อยกว่าฝายแม่ผ่องนิดหน่อย เพราะส่วนมากจะนำวัสดุมาจากบ้านของตนแล้วช่วยกันสร้าง


     เด็กนักเรียนก็มีอยู่ไม่กี่คน บางคนยังใส่รองเท้าแตะมาโรงเรียน บางคนด้วยอารมณ์ศิลปินต้องการให้เป็นคนเท้าติดดิน จึงตัดสินใจไม่ใส่รองเท้าดีกว่า(เหตุผลแท้จริงคือ ไม่มีเงินซื้อรองเท้า พ่อบอกว่าไม่จำเป็น แต่พ่อก็เอาเงินไปกินเหล้าได้ ดีนะที่พ่อไม่คิดบินไปเล่นการพนันที่มาเก๊า)



ยามเช้า
     ครูสมศรีก้าวลงจากรถสองแถวพร้อมกับปัดฝุ่นที่ม้วนตัวตามรถที่รีบออกไป หยุดยืนมองป้ายหน้าโรงเรียนที่แม้จะดูเก่าแต่สะอาด ตัวอักษรถูกแกะอย่างตั้งใจ แล้วถอนหายใจ 

     นึกถึงเมื่อวานที่เพื่อนโทรมาเล่าให้ฟังถึงความน่าสนใจของโรงเรียนแห่งนี้ จนตนเองเกิดความรู้สึกว่าต้องมาให้ได้ แต่เมื่อมองไปรอบ ๆ โรงเรียนแล้ว ก็ถามตัวเองว่า การมาครั้งนี้คิดถูกหรือไม่ 
     ดูสภาพนักเรียนแล้วก็อ่อนใจ เด็กแต่ละคนน่าสงสารมาก คงไม่มีญาติเป็นทหารเลย โอกาสที่จะถูกบรรจุเข้ารับราชการอย่างง่าย ๆ คงมีแต่ในฝัน โอกาสที่จะเปิดบริษัทในค่ายทหาร เพื่อเข้ามารับเหมาในค่ายทหารก็คงจะไม่มี นึกแล้วก็ถอนหายใจอีกเป็นครั้งที่ร้อย


ยามเย็น

     ครูสมศรีก้าวขึ้นรถสองแถวคันเมื่อเช้า เพราะทั้งหมู่บ้านมีเพียงคันเดียว สายตาที่มองป้ายโรงเรียนมีแววแห่งความอาวรณ์ บวกกับความดีใจที่ได้มาสัมผัสโรงเรียนแห่งนี้ แม้รถจะเคลื่อนห่างจากโรงเรียนจนลับสายตาแล้ว แต่ภาพที่เกิดขึ้นในวันนี้กลับกระจ่างอยู่ในใจ

ย้อนกลับไปในยามเช้า

     หลังจากที่ยืนมองป้ายด้วยความสนใจในการดูแลรักษาแล้วก็อดมองรอบ ๆ ป้าย ที่มีสวนประดับอย่างสวยงามไม่ได้ ความรู้สึกทึ่งยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อเดินดูรอบ ๆ โรงเรียน จะหาขยะสักชิ้นยังไม่เจอ ยิ่งกว่านั้น เมื่อเข้าไปสำรวจในห้องน้ำ สะอาดสะอ้านหาคราบสกปรกไม่พบ พื้นห้องน้ำแห้งสนิท ราวกับไม่ได้ถูกใช้มาก่อนเลย นัยว่าหลวงตาที่วัดประจำหมู่บ้าน เป็นคนเอาความรู้ที่ไปอบรมเรื่องความดีสากลเข้ามาพัฒนาที่โรงเรียนจนมีสภาพดังกล่าว


     ความทึ่งนั้นไม่สิ้นสุด เมื่อก้าวเข้าไปในห้องเรียน แทนที่จะเห็นเด็ก ๆ เล่นกันเสียงดัง แต่ปล่าว เด็ก ๆ ที่นี่นั่งจับกลุ่มกันอ่านหนังสือที่มีอยู่ไม่กี่เล่ม เป็นหนังสือที่หลวงตานำมาให้ ล้วนแล้วแต่เป็นนิทานชาดกมีภาพประกอบ เด็ก ๆ จึงชอบอ่านกันมาก 
     นับเป็นความชาญฉลาดของหลวงตาที่ต้องการให้เด็กเหล่านี้ รักษาพระพุทธศาสนาสืบต่อไปแทนที่จะคิดไล่หลวงตาออกจากวัดป่าท้ายหมู่บ้านในข้อหารุกป่าสงวน 

     เมื่อเห็นครูก้าวเข้ามาในห้อง หัวหน้าชั้นรีบให้สัญญาณทำความเคารพ แล้วสายตาแห่งความกระตือรือล้นของเด็กทั้งห้องก็พุ่งตรงมาที่หน้าห้องเรียน เป็นแววตาของความกระหายใคร่รู้ หาใช่สายตาของเด็กชนบทที่ไม่มีความหวังแต่อย่างใด


     หลังจากที่แนะนำตัวกันเสร็จเรียบร้อย ครูสมศรีก็ส่งยิ้มจากใจพร้อมกับตั้งคำถามที่เตรียมไว้ทันที

     ครูสมศรี: เอาหล่ะ นักเรียน อย่างที่ครูได้บอกไปแล้วนะคะว่า เพื่อนของครูชื่นชมพวกเธอมาก จึงได้แนะนำให้ครูได้มาพบปะ เพื่อถามปัญหากับพวกเธอ ครูก็จะขอเริ่มเลยนะ



     เอ้า เริ่มที่โชคชายแล้วกัน ครูจะถามง่าย ๆ นะ หนึ่งบวกหนึ่งเป็นเท่าไร

     เด็กชายโชคชาย ตอบทันทีโดยแทบไม่ต้องคิดว่า : หนึ่งบวกหนึ่งเป็นหนึ่งครับ

     ครูสมศรี(รู้สึกผิดหวัง) : มันจะเป็นหนึ่งไปได้ยังไงจ๊ะ มันเป็นไปไม่ได้

     เด็กชายโชคชาย : ครูครับ ผมขอถามครูนิดนึงครับ ครูเชื่อไหมครับว่า ถุงเท้าบวก บานพับ เท่ากับ ตับแตก

     ครูสมศรี: เชื่อสิจ๊ะ ก็หน่วยงานของรัฐเขาออกมายืนยันขนาดนั้น เราจะไม่เชื่อได้ไงจ๊ะ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคำถามของครูหล่ะคะ

     เด็กชายโชคชาย: นั่นไง เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ครูกลับเชื่อ แต่เรื่องของผมเป็นเรื่องจริง ครูกลับไม่เชื่อ ครูลองนึกดูนะครับ ผมมีทรายหนึ่งกอง ครูมีทรายหนึ่งกอง เอามารวมกัน จะเป็นกี่กองหล่ะครับ หากไม่ใช่หนึ่งกอง เพียงแต่มันโตขึ้น


     ครูสมศรี(ชักจะทึ่งนักเรียนห้องนี้ซะแล้ว): อืม จริงของเธอนะ งั้นคำถามต่อไป ครูจะถามเกี่ยวกับภาษาไทยก็แล้วกันนะ ใครจะอธิบายได้บ้างว่าคำว่า กบเลือกนาย คืออะไร และยกตัวอย่างให้เห็นด้วย

     เด็กหญิงอ้อมศรี: หนูขอตอบคร้า หมายถึงการที่เราไม่พอใจผู้นำ หาเรื่องเปลี่ยนใหม่ แล้วก็ไม่ได้ดีกว่าเดิม เช่น ผู้นำคนแรก ราคายางโลละร้อยยี่สิบ ก็ไม่พอใจ เปลี่ยนเป็นผู้นำคนที่สอง ราคาลดลงเหลือร้อยเดียว ก็ไม่พอใจเลยหาทางไล่เขา จนได้ผู้นำคนที่สาม ทำให้คนซื้อถูกใจ เพราะราคายางเหลือแค่สามกิโลร้อย เจ้าค่ะ



     ครูสมศรี: แหมเธอก็ช่างสมมุติตัวอย่างนะ มันจะมีที่ไหนในโลกเป็นแบบนั้น เอ้า ต่อไปเด็กชายเกิบศักดิ์ ลองบอกครูหน่อยสิคะว่า หากเธอเป็นนายกฯ เธอจะทำไง

     เด็กชายเกิบศักดิ์: ผมจะออกกฎหมายที่เป็นธรรม ไม่ใช่ให้ศาสนาหนึ่งแต่ไม่ให้อีกศาสนาหนึ่ง หรือหากเป็นศาสนาหนึ่งทำอะไรก็ถูกทุกอย่าง แต่อีกศาสนาทำอะไรก็ผิด ไม่ดี ครับ อย่างนี้เขาเรียกอคติครับ


     ครูสมศรี: น่าเลือกเธอเป็นนายกฯนะ แต่ไม่รู้ว่ากว่าเธอจะโต เขาจะมีการเลือกตั้งหรือปล่าวก็ไม่รู้นะ ต่อไปนะคะ เด็กหญิงหวึ่งศรี ตอบครูหน่อยนะคะว่า โตขึ้นเธออยากเป็นอะไร เหตุผลด้วยนะคะ

     เด็กหญิงหวึ่งศรี: หนูอยากเป็นทหารค่ะ สาเหตุเพราะเป็นทหารสามารถทำงานได้กว้างขวางกว่าอาชีพอื่น เช่น เรียนกฎหมายก็เป็นได้แค่อาชีพในสายงานเกี่ยวกับกฎหมาย แต่หากเป็นทหาร สามารถไปดูแลตำรวจก็ได้ ไปดูกระทรวงยุติธรรมก็ได้ เป็นนายก ฯ ก็ได้ค่ะ อ้อ ไปดูหน่วยงานรัฐวิสาหกิจก็ยังได้เลยนะคะ


     ครูสมศรี: ขอบใจมากจ้าหวึ่งศรี คำตอบของหนูทำให้ครูต้องกลับมาทบทวนใหม่ว่าจะไปเรียนทหารดีมั้ยเนี่ย เอ้า ก่อนจะพักกัน ขอถามเด็กชายวินศักดิ์ หากเธอบวชเป็นพระ เธอจะทำอย่างไร

     เด็กชายวินศักดิ์: ผมจะตั้งใจฝึกตนครับ จะแนะนำให้โยมทำทาน รักษาศีล และเจริญจิตตภาวนาครับ จะไม่ให้มีพฤติกรรมไปขัดขวางการเลือกตั้ง ไปปิดล้อมสถานที่ราชการ หรือไปตบทรัพย์ตามโรงแรมครับ ที่สำคัญผมจะไม่ห่วงเรื่องยศศักดิ์ จะเอาธรรมวินัยและรักษาพระพุทธศาสนา ปกป้องพระพุทธศาสนาครับ

ฯลฯ

     ภาพต่าง ๆ ที่ทะยอยออกมาจากความทรงจำ ทำให้ครูสมศรีอดยิ้มไม่ได้ โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายที่นักเรียนได้ฝากความประทับใจไว้ หลังจากที่ครูสมศรีได้ชมว่า

     “ ครูดีใจนะที่ได้เจอพวกเธอ แม้จะอยู่ชนบท แต่คำตอบของพวกเธอมันเกินตัวจริง ๆ น่าทึ่งมาก ”


     เสียงนักเรียนที่ตอบกลับมาดังก้องอยู่ในใจของครูสมศรีไปตราบนานเท่านาน


“ พวกเราอยู่บ้านนอก แต่ไม่โง่ครับ/ค่ะ ”






ขอขอบคุณภาพจากgoogle.com
อนาคาริก
09/30/16











7 comments:

  1. พวกหนูอยู่ชนบทก็ไม่ได้โง่นะค้ะ ชอบๆ ทุกวันนี้คนชนบทมีการศึกษา และก็รู้ว่า ประเทศเราจะเป็นไงต่อไป ขาดว่าเลือกไม่รับ ผลออกมายังรับเลย อุ้บบบ??

    ReplyDelete
  2. อยากเรียนกับครูสมศรีอ่ะ..

    ReplyDelete
  3. อย่างกับบทภาพยนตร์ Timing ย้อนไปย้อนมาอย่างมีศิลปะ ฮาๆ ขำชื่อนร.ด้วยค่ะ

    ReplyDelete
  4. ฉลาดจริงๆเด็กๆเนี่ย_ใครสอน น้า!!!

    ReplyDelete
  5. ใช่ครับ พวกเราอยุบ้านนอกก็ไม่ได้โง่นะครับ

    ReplyDelete
  6. “ พวกเราอยู่บ้านนอก แต่ไม่โง่ครับ/ค่ะ ”

    ขอบอกนะ ขอบอก

    ReplyDelete
  7. กราบสาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
    ชอบทุกถ้อยคำเป็นเรื่องที่โดนใจมาก ชื่อเด็กๆก็เป๊ะโดนใจสุดๆๆค่ะ ✨🏆✨

    ReplyDelete