เมื่อฟ้าสว่าง...ความมืดย่อมหายไป
คราวหนึ่งท่านเคยกล่าวกับ สมเด็จพระวันรัต วัดพระเชตุพนฯ เกี่ยวกับการถูกโจมตีเรื่องธรรมกาย ว่า
“...เมื่อมีผู้ไม่รู้ติเตียนเรา ความไม่รู้ของเขาจะลบล้างสัจธรรมของพระพุทธศาสนาได้อย่างไร ถ้าจะลบก็ลบได้เพียงชั่วคราว ไม่ช้าดวงแก้วของพระพุทธศาสนาก็จะเปล่งรัศมีให้ผู้มีปัญญาเห็นด้วยสายตาของตนเอง...”
ด้วยความตั้งใจที่จะตอบแทนพระคุณของหลวงปู่ ทำให้หลวงพ่อ คุณยายอาจารย์และหมู่คณะทุ่มเทสร้างบารมีแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน จนสามารถขยายสาขาไปทั่วโลก
แม้ในวันนี้อาจจะมีบุคคลหลายส่วนที่ไม่เข้าใจหรือไม่พยายามเข้าใจในการสร้างบารมีของหมู่คณะ ด้วยการเอาจิตของปุถุชนมาวัดใจของนักสร้างบารมี จึงทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการประเมิน แต่ก็หาได้ทำให้ยอดกัลยาณมิตรทั้งหลายหวั่นไหวแต่อย่างใดไม่
แม้จะถูกใส่ความ แม้จะถูกกลั่นแกล้ง แต่ก็ยังมุ่งมั่นกลั่นใจให้ใสด้วยการสวดมนต์ และแผ่เมตตาตามคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์
และด้วยความที่มีเป้าหมายชัดเจนคือ การไปถึงที่สุดแห่งธรรม หมู่คณะจึงไม่ยินดียินร้ายกับโลกธรรมที่เกิดขึ้น จิตจึงไม่ได้กระเพื่อมไปกับสิ่งเหล่านั้น และเชื่อมั่นว่า
เมื่อถึงเวลาที่ฟ้าสว่าง ความมืดทั้งหลายจะถูกขจัด ความสว่างไสวแห่งสัจธรรมจะบังเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ
อนาคาริก
03/15/17
ฟ้าสว่างเมื่อไร ความมืดจะถูกขจัดออกไป_ถูกใจใครหรือไม่ ไม่รู้ แต่ความถูกต้องคือธรรมะย่อมชนะอธรรมเสมอ_สาธุๆๆ
ReplyDeleteสาธุค่ะ บทความชัดเจนว่าวัดไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองใดๆ เน้นเรื่องพระพุทธศาสนาโดยตรง เราสู้ด้วยการไม่ตอบโต้เพราะเราเป็นผู้ปฏิบัติธรรม ขอสอนให้รัฐบาลเห็นใจและทำในสิ่งที่ถูกต้องด้วยเถิด เพราะการทำบาปกับผู้รักษาศีลจะนำความสูญเสียมาให้กับผู้นั้น โปรดหยุดการทำที่ไม่ถูกต้องโดยการไม่รู้เท่าถึงการณ์
ReplyDeleteกราบสาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
ReplyDeleteกราบสาธุสาธุสาธุๆค่ะ
ReplyDeleteเมื่อฟ้าสว่างความมืดก็จะจางหายไปฉันใด เมื่อเราสว่างโลกก็สว่างด้วย
ReplyDeleteกราบอนุโมทนา สาธุเจ้าค่ะ สวดธัมมจักก์ฯ เรื่อยไป บุญล้นประเทศเมื่อไร ฟ้าจะเปลื่ยนสีแน่นอนค่ะ
ReplyDeleteต้องอดทน จนกว่า ฟ้าจะสว่าง
ReplyDeleteเป็นจริงตามบทความ เห็นด้วยค่ะ
ReplyDeleteหากรัฐบาลยอมเปิดใจกว้าง ศึกษาวัดพระธรนมกายด้วยใจเป็นธรรม ไม่เชื่อข้อมูลจากผู้ยุยงปลุกปั่น จะเข้าใจและหันมาสนับสนุนการดำเนินงานของวัดอย่างเต์มที่ เพราะการที่มีคนดี มีศีลธรรม รักความสงบ จะเป็นโยชน์แก่ประเทศชาติเป็นอย่างยิ่งเพราะบ้านเมืองจะ ไม่มีโจรผู้ร้าย บ้านเมือง สงบ ร่มเย็นเป็นสุขกันทั่วหน้า
ReplyDeleteหากรัฐบาลยอมเปิดใจกว้าง ศึกษาวัดพระธรนมกายด้วยใจเป็นธรรม ไม่เชื่อข้อมูลจากผู้ยุยงปลุกปั่น จะเข้าใจและหันมาสนับสนุนการดำเนินงานของวัดอย่างเต์มที่ เพราะการที่มีคนดี มีศีลธรรม รักความสงบ จะเป็นโยชน์แก่ประเทศชาติเป็นอย่างยิ่งเพราะบ้านเมืองจะ ไม่มีโจรผู้ร้าย บ้านเมือง สงบ ร่มเย็นเป็นสุขกันทั่วหน้า
ReplyDeleteเมื่อใดที่อกุศลเข้าสิงจิต ความคิดคำพูดและการกระทำก็จะเป็นของฝ่ายบาป เราจะรอวันที่พญามารพ่ายแพ้ต่อฝ่ายพระ อีกไม่นานเกินรอ
ReplyDeleteความมืดไม่เกิน 12 ชั่วโมง ชั่วโมงที่ 13 ก็สว่างแล้วค่ะ
ReplyDeleteคำสอนของหลวงปู่เป็นจริงเสมอ ธรรมเป็นของจริง
ReplyDeleteฟ้าใกล้สว่างแล้ว เมื่อดวงตะวันส่องแสง ความมืดย่อมมลายหายไป
ReplyDeleteฟ้าใกล้สว่างแล้ว เมื่อดวงตะวันส่องแสง ความมืดย่อมมลายหายไป
ReplyDeleteแล้วเราจะรู่ว่าครูรัก
ReplyDeleteสาธุ คนเราเกิดมาสร้างความดี สร้างบุญกุศล ให้ปลื้มใจไปตลอดชีวิต ใจชุ่มเย็นด้วยความดี ความปลื้มปิติทุกครั้งที่นึกได้ ระลึกถึง ทั้งเป็นประโยชนืต่อตนเองและสังคมประเทศชาติ ดังที่หลวงพ่อธัมมชโย ท่านได้ทำเป็นแบบอย่าง หลวงพ่อท่านสร้างบุญมาตลอดทุกวินาที อย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ชาวพุทธและลูกศิษย์นับแสนนับล้านพร้อมตายแทนท่านได้ ในชีวิตหนึ่งเราจะเจอคนที่ดีจริงไม่กี่คนแม้จะมีคนดีมากมายก็ตาม
ReplyDeleteจากความไม่เข้าใจกลายเป็นความเข้าใจ ซึ่งไม่จำเป็นต้องโกรธเกลียดกัน เพราะคนเราทุกคนล้วนเป็นเสมือนญาติเพื่อนร่วมทุกข์เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
ReplyDeleteเป็นธรรมดาการทำสวนกระแสย่อมต้องฝ่ากระแสขัดค้านความไม่เข้าใจ เหมือนกับสมัยก่อนกาลิเลโอค้นพบว่าโลกกลม ทุกคนหาว่าบ้า จะเอาไปเผา การที่เขาคิดไม่เหมือนกันไม่ได้หมายความว่าผิดเสมอไป
ขอให้ความมืดผ่านไปโดยเร็วเถิด
ReplyDeleteอดทนกันอีกนิด อีกไม่นานก็สว่างแล้ว อยู่ในบุญ อยู่ในหลวงปู่กันนะคะ สาธุๆๆค่ะ
ReplyDeleteพวกเราขอไห้ความมืดผ่านไปโดยเร็ววันดว้ยเทอญธรรมมะยอ้มชนะอธรรมค่ะ
ReplyDeleteอดทนกันนะคะทุกๆท่าน เราได้ฝึกตน ทนหิว บำเพ็ญตบะ แม้จะไม่ได้บวช แต่ก็มีส่วนร่วมปกป้องพระพุทธศาสนาด้วยกันเสมอค่ะ สาธุ
ReplyDeleteความดีชนะทุกสิ่ง ความจริงชนะทุกอย่าง
ReplyDeleteคนทำดีต้องได้ดีไม่ต้องกลัว
ReplyDeleteคนทำชั่วชอบทำชั่วมั่วจนบ้า
คนทำดีมีความสุขสมอุรา
คนชั่วช้าหาแต่ทุกข์อยู่ร่ำไป
คนทำดีย่อมได้ดีมีอยู่ทั่ว
คนทำชั่วย่อมได้ชั่วมั่วอยู่ได้
คนทำดีมีความสุขสบายใจ
คนชั่วช้าไม่ได้สุขตลอดกาล
คนทำดีจึงได้ดีที่สุดชัวร์
คนทำชั่วจึงได้ชั่วน่าสงสาร
คนทำดีมีที่สุดคือนิพพาน
คนชั่วมารอวสานสู่โลกันต์...
ผู้ทำบุญแล้วย่อมยินดีในโลกนี้
ReplyDeleteตายแล้วย่อมยินดีชื่อว่ายินดีในโลกทั้งสอง
เขาย่อมยินดีว่าเราทำบุญไว้แล้ว ไปสู่สุคติย่อมยินดียิ่งขึ้น
ผู้ทำบาป ย่อมเศร้าโศกในโลกนี้ ละไปแล้วก็เศร้าโศก ชื่อว่าเศร้าโศกในโลกทั้งสอง
เขาเห็นกรรมอันเศร้าหมองของตน จึงเศร้าโศกและเดือดร้อน
(พุทธพจน์)
The philanthropist is welcome in this world.
Death is glad to welcome the name of the two worlds.
He's glad we made it. To be more blissful.
The sinner is grieving in this world. Go away and then grieve. The name is grief in both worlds.
He saw his sad karma. So grief and trouble
(Buddha)
เรารักพระพุทธศาสนา
ReplyDeleteสาธุๆ สาธุครับ
ReplyDeleteเราต้องเรียนรู้ความมืดให้ดีก่อนที่มั้นจะหายไปคือการต่อสู้เพื่อชัยชนะแน่นอน
ReplyDeleteเราต้องเรียนรู้ความมืดให้ดีก่อนที่มั้นจะหายไปคือการต่อสู้เพื่อชัยชนะแน่นอน
ReplyDeleteใจใส ใจสบาย ทำอะไรก็สำเร็จ เราเชื่อมั่นในคำสั่งสอนของครูอาจารย์
ReplyDeleteวิชชาธรรมกายเป็นของจริง ดีจริง ต้องคู่กับคนจริง คนดี คนที่ไม่จริง จะไม่เข้าใจ มุ่งโจมตีใส่ร้ายป้ายสี ก่อบาปหนักมากเอย.
ReplyDeleteสาธุสาธุสาธุ
ReplyDelete