สังคมวุ่นวาย...เพราะเชื่อใจคนพาล
เมื่อสมัยที่ผู้เขียนเรียนอยู่ชั้นมัธยมที่ต่างจังหวัด มีวิชาพลศึกษาให้เลือกว่าจะเล่นกรีฑาหรือกีฬาประเภทไหนก็ได้ ผู้เขียนแม้จะชอบดูมวย แต่จะให้ต่อยคงไม่ไหว จึงเลือกไปเล่นวอลเล่ย์บอล ในขณะที่เพื่อนรักสองคนเลือกเรียนมวยไทย
ในระหว่างเรียนก็ไม่มีปัญหาแต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องสอบเอาคะแนนนี่เริ่มสนุก เพราะพวกเรียนมวยไทยจะต้องมีการจับคู่ให้ชกกัน ใครชนะก็จะได้คะแนนมากหน่อย แล้วก็เกิดเป็นเรื่องจนได้ เมื่อเพื่อนรักของผู้เขียน ทั้งน้ำหนัก ส่วนสูง ไล่เลี่ยกัน จึงถูกจับให้ชกกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทั้งสองคนต่างก็ตกลงซูเอี๋ยกันว่า จะพยายามต่อยให้เนียนที่สุด เพื่อเอาคะแนนให้ได้ ดังนั้นเมื่อเริ่มยกแรก ก็จด ๆ จ้อง ๆ กัน เตะแข้งเตะขาไปตามเรื่องตามราว เต้นไปรอบเวทีซะเป็นส่วนมาก พักยกก็ยิ้มให้กัน
ในระหว่างพักยกนี่สิ มีเพื่อนตัวแสบคนหนึ่ง เดินไปทางมุมแดง แล้วก็ไปกระซิบข้างหู จากนั้นก็เดินไปมุมน้ำเงิน ไปกระซิบเช่นกัน พอขึ้นยกสองเท่านั้นแหละ ต่างฝ่ายต่างเดินออกมา ท่าทางเอาจริงเอาจัง ผู้เขียนนึกชมในใจว่า อ๊ะ มันเล่นกันเนียน ที่ไหนได้ จ้องกันสักพัก ซัดกัน ผัวะผะ ๆ จนผู้เขียนตกใจว่า มันเนียนเกินไปหรือปล่าวนี่ นึกว่าจะเอาจริงกันไม่กี่ที อ้าว ทั้งยก เตะกัน ต่อยกันราวกับโกรธกันมาเป็นชาติ ฝ่ายเจ้าตัวแสบที่ไปกระซิบข้างหู ยืนหัวเราะชอบใจอยู่ข้างเวที
ผู้เขียนแปลกใจเลยไปถามว่า ไปพูดอะไร ทำให้สองคนนั้นชกกันจริงจังขนาดนั้น มันหัวเราะชอบใจแล้วบอกว่า ไม่ได้พูดอะไรมาก แค่บอกว่า อีกฝ่ายบอกว่า หากมันเอาจริงอีกคนไม่พอมือหรอก แค่นี้มันก็ลุยกันแล้ว อืม ดูมันทำ
ผ่านไปเกือบ ๔๐ ปี เหตุการณ์ทำนองนี้ก็ย้อนกลับมาให้ผู้เขียนได้เห็นอีกครั้ง กล่าวคือวัดพระธรรมกายและหลวงพ่อก็ทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาด้วยความปลื้มปีติในบุญไปเรื่อย ตามวิสัยของผู้รักการสร้างบุญ สร้างบารมี
แต่จู่ ๆ ก็มีเรื่องถาโถมเข้ามาสารพัด แทบตั้งตัวไม่ทัน ทั้งเรื่องคำสอน ทั้งเรื่องการฟอกเงิน ทั้งรับของโจร สารพัดประดังเข้ามา มองไปมองมา อ้าว ที่แท้เหตุการณ์ต่าง ๆ ล้วนมีคนอยู่เบื้องหลัง
ก็ไม่ใช่อื่นไกล ก็คนที่เคยมาอาศัยวัด อาศัยพระศาสนา อาศัยใบบุญหลวงพ่ออยู่ แล้ววันร้าย คืนร้าย พอถูกขัดใจ เพราะความคิดที่ไม่เข้าท่าและไม่รักษาพระธรรมวินัย เลยอยู่กับหมู่คณะไม่ได้ ต้องไปขออาศัยวัดอื่นอยู่ แต่อนิจจา สัญชาติงูเห่าที่ไม่เคยนึกถึงคุณของใคร ไปไหนก็สร้างเหตุ จนถูกขับไล่ออกไปจากวัด จนในที่สุดเมื่อไม่มีใครต้อนรับ จึงสึกหาลาเพศออกไป
แทนที่จะสำนึกได้ว่า เออ เราทำตัวไม่ดีเลยไม่มีใครรับเข้าหมู่ ต่อไปจะปรับปรุงตัว แต่ปล่าวเลย กลับพกเอาความเคียดแค้นนั้น ย้อนกลับมาเล่นงานผู้มีพระคุณ ตั้งแต่พระอุปัชฌาย์ จนถึงครูบาอาจารย์ที่เคยส่งเสียให้เล่าให้เรียน ให้ทุกสิ่งทุกอย่าง
นอกจากจะเข้าทางบ้านเมือง ไปยุยง ให้จัดการทำลายวัด ทำลายหลวงพ่อแล้ว ยังเข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ ใส่ข้อมูลผิด ๆ เรื่องวัดพระธรรมกาย จนทำให้ท่านเหล่านั้นเข้าใจวัดผิดไปจากความเป็นจริง
เหตุการณ์แรก ผู้เขียนได้ตำหนิเพื่อนตัวแสบ แล้วเข้าไปไกล่เกลี่ยเพื่อนรักทั้งสองจนเข้าใจกัน เจ้าเพื่อนตัวแสบก็ขอโทษขอโพย เป็นอันจบกันไป
แต่เหตุการณ์ที่สอง ผู้เขียนได้แต่นั่งมองตาปริบ ๆ เพราะคงไม่สามารถจะไปลากไอ้ตัวแสบ ให้มาขอโทษหมู่คณะได้ เพราะยากจะเยียวยา คงต้องรอพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์หน้ามาโปรด ก็คงได้แต่สวดมนต์ ขอให้อานุภาพของพระรัตนตรัยไปดลจิตดลใจให้ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองตาสว่าง เห็นทุกสิ่งไปตามความเป็นจริง และเลิกเชื่อถือคำของคนพาลเสียที
แต่เหตุการณ์ที่สอง ผู้เขียนได้แต่นั่งมองตาปริบ ๆ เพราะคงไม่สามารถจะไปลากไอ้ตัวแสบ ให้มาขอโทษหมู่คณะได้ เพราะยากจะเยียวยา คงต้องรอพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์หน้ามาโปรด ก็คงได้แต่สวดมนต์ ขอให้อานุภาพของพระรัตนตรัยไปดลจิตดลใจให้ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองตาสว่าง เห็นทุกสิ่งไปตามความเป็นจริง และเลิกเชื่อถือคำของคนพาลเสียที
สังคมของเราวุ่นวาย
เพราะมีคนพาลมากเกินไปแล้วครับ
ขอขอบคุณภาพจาก google.com
อนาคาริก
11/30/16
อนาคาริก
11/30/16